5 วิธีง่ายๆ ช่วยลดโลกร้อน ที่คุณทำได้เมื่อเที่ยวต่างประเทศ

มื่อผู้คนยังมีความต้องการท่องเที่ยวเปิดหูเปิดตาไปกับดินแดนใหม่ๆ ต้องการพบเห็นสิ่งใหม่ๆ จากทั่วโลก การเดินทางโดยเครื่องบินเป็นตัวเลือกแรกๆ ของการเดินทางข้ามประเทศ หากแต่การเดินทางโดยเครื่องบินเป็นการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีผลกระทบอย่างมากต่อสภาวะโลกเป็นการเพิ่มปริมาณความร้อนเก็บไว้ในชั้นบรรยกาศเป็นจำนวนมาก การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศควรวางแผนวันหยุดให้ใช้เวลามากขึ้นในจุดหมายปลายทางแห่งเดียว ควรให้การท่องเที่ยวต่อทริปนานขึ้น ดีกว่าเที่ยวทริปสั้นๆ หลายๆ ครั้ง

หลีกเลี่ยงเที่ยวบินระยะสั้น หากสามารถเดินทางโดยรถไฟ หรือเรือได้ จะดีมากกว่าการขึ้นเครื่องบิน ถือเป็นการช่วยลดปริมาณการปล่อยมลพิษที่เกิดจากเชื้อเพลิงที่ถูกเผาผลาญมากขึ้นจากการขึ้น และลงจอดของเครื่องบินในแต่ละครั้งได้ เป็นการคืนอากาศสะอาดได้บ้าง ในปัจจุบันหลายๆ สายการบินเริ่มมีโครงการให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการเดินทางโดยเครื่องบิน ซื้อคาร์บอนออฟเซ็ต (Carbon Offset) บางสายการบินนำเงินไปเข้าร่วมโครงการฟื้นฟูระบบนิเวศต่างๆ เช่น การปลูกต้นไม้ โครงการแผงโซลาร์เซลล์ การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ พลังงานหมุนเวียน และกิจกรรมอื่นๆที่ลดอัตราเพิ่มมลพิษในอากาศ

2. ชาญฉลาดในการแพคกระเป๋า 

แพคกระเป๋าเฉพาะสิ่งที่สำคัญ และจำเป็นเท่านั้น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายนำไปเฉพาะเท่าที่ต้องใช้  ไม่ได้แนะนำให้ทิ้งแฟชั่นไว้ที่บ้าน แค่จัดเสื้อผ้าให้เข้าชุดกัน เที่ยวประเทศเมืองร้อนเลือกผ้าที่บางเบา แห้งเร็ว เที่ยวเมืองหนาว เลือกเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุให้ความอบอุ่น หนาแต่น้อยชิ้น รองเท้าน้อยคู่แต่ใส่ได้เอนกประสงค์ หรือหากต้องซื้อใหม่ ลองจับจ่ายใช้เงินไปกับแบรนด์ที่สนับสนุนการลดโลกร้อน และสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

ไม่ลืมนำถุงผ้าติดตัวเวลาซื้อของ ขวดน้ำแบบใช้ซ้ำ หลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เตรียมอุปกรณ์อาบน้ำ สบู่ แชมพู ที่ย่อยสลายได้ง่ายบรรจุภัณฑ์เป็นแบบรีฟิลให้นำติดตัวไปด้วย เพราะหากใช้อุปกรณ์อาบน้ำของที่โรงแรมจัดไว้ให้ส่วนที่เหลือมักจะถูกทิ้งเป็นขยะเสียเพิ่มเป็นมลพิษ หากมีทริปทะเล ดำน้ำ เล่นน้ำ ควรเตรียมแพคครีมกันแดดที่ใช้สารเคมีน้อยๆ  หรือครีมกันแดดที่ปราศจากสารเคมี ที่เป็นอันตรายต่อแนวปะการัง มองหาครีมกันแดดที่มีสัญลักษณ์ Chemical -Free , All Natural , Eco-Friendly การแพคกระเป๋าให้พร้อมน้ำหนักเบาช่วยทำให้เครื่องบินประหยัดเชื้อเพลิงได้ประมาณหนึ่ง

3. เลือกกิน…อิ่มท้องกับอาหารท้องถิ่น

การรับประทานอาหาร ควรเลือกรับประทานอาหารท้องถิ่น ใช้วัตถุดิบจากคนในท้องถิ่น สนับสนุนเศรษฐกิจในท้องถิ่น พยายามหลีกเลี่ยงการนำเข้าจากต่างประเทศที่ต้องใช้พลังงานในการขนส่ง บรรจุภัณฑ์การแช่แข็งที่ต้องใช้ความเย็นมากขึ้นเพื่อเก็บรักษา การเดินทางท่องเที่ยวต่างถิ่น ทำให้มีเมนูอาหารที่มากมายหลากหลายอดใจไม่ได้ที่จะเอ็นจอยไปกับการรับประทาน ชิมโน่น ลองนี่ แต่อย่าลืมรับประทานพออิ่มท้อง อาหารบุฟเฟต์ถึงแม้จะกินได้อย่างไม่อั้น แต่ก็แนะนำให้ตักปริมาณอาหารแต่พอดี อย่าให้มีอาหารเหลือทิ้งเป็นขยะ จะเป็นภาระต่อการกำจัดเพราะจะปล่อยก๊าซมีเทน(Methane) เป็นอันตราย

หรือหากมีโอกาสลองทานอาหารที่มีพืชเป็นวัตถุดิบ (Plant Based) จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ อาหารที่ทำมาจากผลิตภัณฑ์จากสัตว์สร้างมลพิษให้กับโลก การลดการบริโภคเนื้อสัตว์ ไม่ได้หมายความว่าต้องทานเป็นมังสะวิรัตทุกวันในขณะเดินทางเที่ยว อาจจะลองรับประทานอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์สักหนึ่งหรือสองมื้อ สามารถช่วยลดปริมาณคาร์บอนในมื้อนั้นๆของคุณได้ ลดโลกร้อนและยังได้เพลิดเพลินกับวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่นนั้นๆ อีกด้วย

4. Shopping แบบมีความหมาย และใช้ได้จริง

ก่อนซื้อของชิ้นใดชิ้นหนึ่ง ควรคิดว่าจะใช้ได้จริงหรือไม่ หรือตั้งโชว์ให้ฝุ่นเกาะอย่างเดียว หากต้องการซื้อของที่ระลึกที่มีความหมายเป็นเอกลักษณ์ของประเทศนั้นๆ แนะนำให้สนับสนุนสินค้าที่ทำขึ้นโดยช่างฝีมือท้องถิ่นแทนการซื้อของนำเข้าจากต่างประเทศ หรือเป็นสินค้าที่ทำจากวัสดุธรรมชาติเน้นความยั่งยืนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น รองเท้ารักษ์โลกต่างๆ จากแบรนด์ดัง ทำมาจากเยื่อต้นยูคาลิปตัส ซื้อของที่มีคุณภาพสูงแทนสินค้าที่เน้นราคาถูกคุณภาพต่ำที่ใช้ได้แค่ครั้งเดียว และไม่ซื้อของที่ทำจากผลิตภัณฑ์จากสัตว์หรือสินค้าที่ละเมิดสัตว์ป่า

5. เน้นเที่ยวธรรมชาติ ลดคาร์บอน

การเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่สัมผัสกับบรรยากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติ เที่ยวป่า ภูเขา อุทยานแห่งชาติ ดูปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ชมน้ำตก ชมทุ่งดอกไม้ สวนสาธารณะ พายเรือ ขี่จักรยานชมสถานที่ท่องเที่ยว สิ่งเหล่านี้เป็นการท่องเที่ยวที่ลดการใช้พลังงาน ธรรมชาติไม่ถูกทำลาย ไม่มีผลกระทบภาวะโลกร้อน เป็นการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นอกเหนือจากการเลือกสถานที่ท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอนแล้ว ตัวนักท่องเที่ยวเองต้องมีหัวใจสีเขียว ตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งแวดล้อม ร่วมกันรักษาปฎิบัตต่อธรรมชาติด้วยความเอาใจใส่ เมื่อไปเยือนสถานที่ต่างๆ ไม่ขีดเขียนฝาผนัง ไม่เด็ดดอกไม้ ตัดต้นไม้ ไม่ทำลายวัตถุของมีค่า ดำน้ำตื้น ดำน้ำลึก ไม่สัมผัสหรือแตะต้องสัตว์ทะเลหรือปะการัง และควรรักษาระยะห่างเมื่อดำน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ใกล้สิ่งมีชีวิตใต้น้ำจนเกินไป

ลองนึกภาพ หากนักท่องเที่ยวได้ช่วยกันลดมลพิษอย่างละนิดอย่างละหน่อย โลกจะดีมากขึ้นขนาดไหน  เรามาช่วยกันสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกที่ทำได้ไม่ยากเกินไป  หากอยากเป็นนักท่องเที่ยวที่รักษ์โลก ได้เที่ยวด้วยช่วยโลกด้วยในคราวเดียวกัน

ขอบคุณแหล่งที่มาจาก freebirdtour