อันตรายแฝงใน “แก้วกาแฟกระดาษ” ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ที่คุณอาจไม่รู้ แก้วกระดาษ เคลือบพลาสติก ที่ดูเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กลับมีผลกระทบไม่แพ้ แก้วพลาสติก
ในยุคปัจจุบัน ที่การดื่มกาแฟกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวัน หลายคนเลือกซื้อกาแฟจากร้านสะดวกซื้อ หรือคาเฟ่ ที่มาพร้อมกับแก้วกาแฟแบบใช้แล้วทิ้ง ในขณะที่เทรนด์รักษ์โลก กำลังมาแรงเช่นกัน ร้านกาแฟหลายร้าน จึงหันมาใช้ แก้วกระดาษ แทนพลาสติก ที่ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าแก้วพลาสติก แต่แท้จริงแล้ว “แก้วกาแฟกระดาษ” มีอันตรายและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่แพ้กัน
สารเคมีที่ใช้ในการเคลือบ แก้วกระดาษ
“แก้วกาแฟกระดาษ” มักจะเคลือบด้วยสารพลาสติกบางชนิด เพื่อกันน้ำและน้ำมันจากกาแฟไม่ให้ซึมออกมา สารเหล่านี้มักเป็นพลาสติกประเภท “พอลิโพรพิลีน” (Polypropylene) ซึ่งไม่สามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ ทำให้แก้วกระดาษที่ดูเหมือนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจริงๆ กลายเป็นขยะที่ต้องใช้เวลานานในการย่อยสลาย นอกจากนี้ การผลิตสารเคลือบพลาสติก ยังใช้พลังงานสูง และอาจทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เช่นเดียวกับการผลิตพลาสติกทั่วไป
จากการศึกษาวิจัยในปี 2022 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Hazardous Materials พบว่า ความเข้มข้นของไมโครพลาสติกในน้ำเพิ่มขึ้นถึง 723–1,489 อนุภาค หลังจากสัมผัสกับถ้วยเป็นเวลา 5 นาที และเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อระยะเวลาในการจัดเก็บเพิ่มขึ้น ขนาดของไมโครพลาสติกที่ถูกปล่อยออกมา ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงต่ำกว่า 50 ไมโครเมตร การเขย่าถ้วยในระหว่างการขนส่ง หรือขณะดื่ม เป็นสาเหตุของการปล่อยสารนี้
นอกจากนี้ ผลการศึกษายังแสดงให้เห็นว่า แก้วปล่อยไมโครพลาสติกมากขึ้น เมื่อบรรจุเครื่องดื่มร้อน มากกว่าเครื่องดื่มเย็น จากผลการสำรวจพบว่า ผู้คนอาจกินไมโครพลาสติกโดยไม่ตั้งใจ ประมาณ 37,613–89,294 อนุภาคต่อปี จากการใช้แก้วแบบใช้แล้วทิ้ง ทุกๆ 4–5 วัน
โดยชั้นในของถ้วยกระดาษ เคลือบด้วยโพลีเอทิลีน (PE) เดิมทีฟิล์มพลาสติกนี้ ใช้สำหรับป้องกันการรั่วไหลของของเหลว แต่เมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิสูง จากเครื่องดื่มที่มีกรด หรือแอลกอฮอล์ มันจะเร่งการปล่อยอนุภาคพลาสติกขนาดเล็กเข้าสู่กระแสเลือด และอวัยวะของมนุษย์อย่างเงียบๆ ในที่สุดก็จะติดอยู่ในเซลล์ และส่งผลต่อการทำงานของเซลล์
นักพันธุศาสตร์ ดร.เจื่องเกียมินห์ ได้ออกมาเตือนว่า การดื่มกาแฟหนึ่งถ้วยทุกวัน อาจทำให้เรากลืนอนุภาคพลาสติกที่มองไม่เห็นบนแก้วกระดาษเข้าไปด้วย เช่นเดียวกับการดื่มนมร้อน โกโก้ ชาร้อน ฯลฯ จากแก้วกระดาษ อนุภาคเหล่านี้จะเข้าสู่ร่างกายมนุษย์อย่างเงียบๆ และในที่สุดก็จะเข้าไปอยู่ในเซลล์
“การดื่มเครื่องดื่มจากแก้วกระดาษ จะไม่ทำให้คุณป่วยทันที แต่หากคุณทำเช่นนี้ทุกวัน อนุภาคพลาสติกเหล่านี้จะค่อยๆ เติมเต็มเซลล์ของคุณ เหมือนขยะที่สะสมมาเป็นเวลานาน และส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ อาจทำให้การทำงานของเซลล์แย่ลง ส่งผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ ระบบย่อยอาหาร หรือแม้แต่ความสามารถในการกำจัดสารพิษของตับและไต” คำเตือนจากนักพันธุศาสตร์
กระบวนการผลิตและการทิ้ง
การผลิตแก้วกาแฟกระดาษ มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ไม้สำหรับทำกระดาษ และน้ำในการผลิต โดยกระบวนการเหล่านี้ต้องใช้พลังงานและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการตัดไม้และการใช้น้ำ แม้ว่าแก้วกระดาษจะดูเหมือนเป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้ในธรรมชาติ แต่ก็ต้องใช้เวลาในการย่อยสลายยาวนาน โดยเฉพาะหากถูกทิ้งในที่ที่ไม่มีการจัดการขยะที่ดี
การนำกลับมาใช้ใหม่
แก้วกาแฟกระดาษ มักจะไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เนื่องจากมีการเคลือบด้วยพลาสติก ทำให้ไม่สามารถย่อยสลายได้ง่าย แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้มีการรีไซเคิลแก้วกระดาษ แต่กระบวนการรีไซเคิลนี้ ยังคงยากและใช้ต้นทุนสูง การนำแก้วกระดาษไปรีไซเคิลจึงยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
แก้วกาแฟกระดาษที่ถูกทิ้งไปในที่ที่ไม่มีการรีไซเคิล หรือจัดการขยะอย่างเหมาะสม จะกลายเป็นขยะที่ค้างอยู่ในธรรมชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการทิ้งขยะไม่ถูกวิธี เช่น ชายหาด หรือพื้นที่ธรรมชาติอื่นๆ ซึ่งจะสร้างมลพิษและอันตรายต่อสัตว์ป่า
แก้วกระดาษ เทียบกับแก้วพลาสติก
แก้วพลาสติกเอง ก็เป็นอีกหนึ่งตัวการหลักที่ก่อให้เกิดปัญหามลพิษในสิ่งแวดล้อม เพราะพลาสติกไม่สามารถย่อยสลายได้ และใช้เวลานานในการสลายตัว แม้ว่าแก้วกระดาษจะดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่การใช้แก้วกระดาษที่มีสารเคลือบพลาสติก ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มากนัก ในทางทฤษฎี การใช้แก้วที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือแก้วที่ผลิตจากวัสดุย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (biodegradable) จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
สรุป
การเลือกใช้แก้วกาแฟกระดาษแทนแก้วพลาสติก อาจจะดูเหมือนเป็นการช่วยลดมลพิษ แต่จริงๆ แล้วทั้งสองชนิด ยังคงก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในลักษณะต่างๆ ดังนั้น การหันมาใช้แก้วที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ หรือการลดการใช้วัสดุเหล่านี้จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้แก้วกาแฟแบบใช้แล้วทิ้ง
ขอบคุณ แหล่งที่มาจาก igreenstory