การได้ออกไปท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา แต่คงจะดีกว่าถ้าหากการเดินทางเหล่านั้นทำให้คุณได้ตอบแทนบางสิ่งบางอย่างแก่สังคม และ โลกใบนี้ของเรา ซึ่งแน่นอนว่าการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ หรือ Ecotourism นับเป็นแนวทางยอดฮิตที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากจากคนทั่วโลก และเป็นไปตามแนวคิดของการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนนั่นเอง
Ecotourism เทรนด์การเที่ยวแบบยั่งยืนกำลังมาแรง
การเที่ยวแบบยั่งยืน (Ecotourism) กำลังเป็นที่ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยในปี 2561
นักเดินทาง 68 % วางแผนจะพักในที่พักซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนและคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
เครื่องชี้วัดที่สำคัญของเทรนด์นี้ ได้จากผลสำรวจที่ว่าคนพร้อมจ่ายเพิ่มอย่างน้อย 5% สำหรับการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจว่าทริปนั้นจะไม่ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อธรรมชาติ หรือหากกระทบก็ควรจะเกิดขึ้นน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
เหตุผลหลักที่ทำให้คนตัดสินใจท่องเที่ยวแบบยั่งยืน
การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนถือเป็นสิ่งสะท้อนความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างหนึ่ง ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดีที่นักท่องเที่ยวทุกคนต่างคิดที่จะคืนสิ่งดีๆให้กับโลกและธรรมชาติ โดยมีการทำผลสำรวจและพบว่าเหตุผลหลักๆที่ทำให้คนตัดสินใจท่องเที่ยวแบบยั่งยืนได้แก่
60% ประทับใจกับทิวทัศน์ธรรมชาติ: การได้ออกไปเห็นความงามของธรรมชาติ ได้ทำให้คนตระหนักถึงความสำคัญ อีกทั้งการได้สัมผัสและเรียนรู้สภาพแวดล้อมโดยตรง เช่น การเดินป่า การส่องสัตว์
การศึกษาสถานที่โบราณคดี ฯลฯ นับเป็นประสบการณ์ล้ำค่าที่มีประโยชน์ต่อชีวิต
54% เห็นผลกระทบจากการท่องเที่ยว: เพราะทุกวันนี้สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมาย ถูกทำลาย
จากความพึงพอใจ แต่กลับบ่งบอกถึงการไม่รับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน
47% ได้รับสิ่งดีๆ จากการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน: นอกจากความสวยงามในเชิงทัศนียภาพ การได้เห็นวิถีชีวิตและร่วมทำกิจกรรมกับชุมชนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดเป็นอีกเหตุผลที่ดึงดูดใจให้คนหันมาท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์กันเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนแม้ว่าทริปท่องเที่ยวแบบยั่งยืนอาจดูไม่หรูหรา และ สะดวกสบายมากนักสำหรับบางคนแต่เชื่อเหลือเกินว่าหากคุณได้เห็นถึงประโยชน์ที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมรอบข้างแล้ว อาจทำให้คุณรู้สึกเปลี่ยนใจ จนอยากเก็บกระเป๋าเดินทางไปเที่ยวแบบนี้ดูสักครั้ง
การได้สร้างจิตสำนึกที่ดีเพื่อสังคม: ถือเป็นการได้ทำ CSR ไปในตัวเลยด้วย เพราะการที่
คุณท่องเที่ยวโดยช่วยกันดูแลรักษาทรัพยากรและสภาพแวดล้อม ก็ถือเป็นก้าวแรกของการทำความดีระหว่างท่องเที่ยวพักผ่อนแล้ว
ช่วยสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น: จากกิจกรรมต่างๆนานาที่คุณมีส่วนร่วม รวมถึงค่าใช้จ่าย
เล็กๆน้อยๆ เมื่อเทียบกับการเที่ยวร้านหรูต่างๆ นับเป็นต้นทุนทางการเงิน และ กำลังใจอันยอดเยี่ยมให้ชุมชนเหล่านั้นสามารถนำไปพัฒนาส่วนต่างๆได้ในระยะยาว
ความรู้และประสบการณ์แปลกใหม่: คุณจะได้ความรู้ในเชิงลึกจากคนในท้องถิ่นเกี่ยวกับ
เรื่องราวต่างๆที่คุณสนใจ ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามการเขียนสคริปมายืนบรรยาย อีกทั้งโอกาสทำกิจกรรม
แบบท้องถิ่นๆ ที่ทั้งสนุกและเป็นการช่วยเหลือสังคมไปในตัว ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย
มิตรภาพที่ยอดเยี่ยม: การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนมักเป็นการวมตัวของคนคอเดียวกัน
ดังนั้นคุณจะได้พบปะกับนักเดินทางสายรักษ์โลกที่ชอบสร้างสิ่งดีๆ อีกทั้งยังความน่ารักของคนท้องถิ่น
และการที่คุณต้องใช้ช่วงเวลาหลายวันซึ่งเปรียบเหมือนการเข้าค่ายนั้น จะทำให้คุณค้นพบมิตรสหายที่ยอดเยี่ยมได้อย่างแน่นอนความทรงจำดีๆที่อาจต่อยอดอะไรบางอย่างในชีวิต: สุดท้ายคือความทรงจำอันยอดเยี่ยม
เหมือนเวลาตอนคุณเด็กๆแล้วต้องออกค่ายจิตอาสานั่นแหละ เพราะนอกจากการที่คุณได้ออกไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อันนำมาสู่แรงบันดาลใจและเป็นการจุดไฟให้ชีวิตแล้ว เชื่อมั้ยว่าคุณอาจได้ไอเดียในการต่อยอดบางอย่างในชีวิต ตั้งแต่เรื่องธุรกิจ เครือข่ายเพื่อน หรือ แม้แต่มุมมองที่เปลี่ยนใจจนทำให้คุณพัฒนาชีวิตไปได้อีกหลายขั้นเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะในประเทศไทย หรือ ต่างประเทศ การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนมีอยู่มากมาย และถ้าหากคุณกังวลว่าจะไม่สามารถหาเพื่อนร่วมทริปแนวเดียวกันเพื่อร่วมสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ได้นั้นไม่ต้องกลัวเลย เพราะ มีสมัยนี้มีช่องทางมากมายสำหรับการนัดรวมกลุ่มท่องเที่ยว และหนึ่งในรูปแบบที่มักนิยมเชิญชวนกันไปก็คือ การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนนี่แหละ (เรียกว่า ชวนกันไปเที่ยวพร้อมทำดีด้วย)
สำรวจตัวเอง 8 ข้อ พร้อมแค่ไหนสู่การเที่ยวแบบยั่งยืน
แน่นอนว่าการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนก็ต้องมีการเตรียมความพร้อม ทั้งเรื่องอุปกรณ์ของใช้
วิธีการเดินทาง ไปจนถึงพฤติกรรมระหว่างการท่องเที่ยว ดังนั้นเรามาสำรวจกันว่า ความพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนมีอะไรบ้าง
1. สัมภาระที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: ตัวอย่างง่ายๆ เลย เช่นการพกขวดน้ำ หรือ กระติกน้ำไปเองเป็นการช่วยลดขยะลงระหว่างการเดินทางไปจนถึงระหว่างการท่องเที่ยว รวมไปถึงของใช้อย่างอุปกรณ์อาบน้ำที่คุณอาจเตรียมใส่ขวดไปเลย ไม่ต้องไปซื้อใช้แล้วก็ทิ้งให้กล่องให้กลายเป็นขยะ
2. เดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน: การประหยัดพลังงานโดยการไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัว ก็ถือเป็นทางเลือกง่ายๆ (ที่มักทำได้ยาก) เรื่องนี้คุณอาจประเมินจากความจำเป็น แต่ไหนๆจะลุยสายรักษ์โลกเรื่องแค่นี้ก็ต้องทำให้ได้สิหน่า
3. เช่าจักรยานเพื่อใช้ขี่ชมเมืองหรือสถานที่ท่องเที่ยว: เป็นการออกกำลังกาย และ สัมผัสบรรยากาศผ่านกิจกรรมรวมกลุ่มที่ดูน่าตื่นเต้นไม่น้อยเลย
4. ถ่ายรูปแบบไม่ทำลายธรรมชาติ: การบันทึกภาพความทรงจำดีๆ สามารถทำได้แต่ควรอยู่ในขอบเขตที่ไม่ไปบิดเบือน หรือ ทำลายสภาพแวดล้อม จะให้ดีก็ไม่ต้องเคลื่อนย้ายหรือจัดแต่งอะไรทั้งนั้น
5. เดินตามเส้นทางที่กำหนด: ระหว่างการเดินป่า หรือ เดินเยี่ยมชมสิ่งต่างๆ คุณไม่ควรที่จะเหยียบย่ำบนเส้นทางพิเศษที่คุณเปิดเอง เพราะนั่นเท่ากับการทำลายธรรมชาติด้วยนะ
6. เปิดใจเรียนรู้อย่างเต็มที่: จุดประสงค์หลักอย่างนึงของการเดินทางท่องเที่ยวแบบยั่งยืน คือการหาความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ หรือ สภาพแวดล้อมในพื้นที่นั้นๆ ดังนั้นคุณควรเก็บเกี่ยวและกอบโกยมาอย่างเต็มที ไม่ใช่เอาแต่ถ่ายรูป หรือ เล่นโทรศัพท์มือถือ
7. เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม: ได้แก่การ เดินป่า ขึ้นเขา ดำน้ำ ปั่นจักรยานคุณสามารถทำได้ทั้งหมด ตราบใดที่กิจกรรมนั้นไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
8. สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น: ท้ายที่สุดคือการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น ไม่ว่าจะด้วยการจับจ่ายใช้สอยการใช้แรงในการช่วยปฏิบัติภารกิจบางอย่าง หรือ แม้แต่การส่วนร่วมในกิจกรรมพัฒนาชุมชน รวมถึงการนำเรื่องราวดีๆ วัฒนธรรมเจ๋งๆ มาเผยแพร่บอกต่อ ก็ได้เช่นกัน
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก jptravelstore