หน้ากากอนามัย จัดเป็นวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ใช้สำหรับการป้องกันสิ่งปนเปื้อนทั้งอนุภาคขนาดใหญ่และขนาดเล็กเข้าสู่ร่างกายของแพทย์ระหว่างคนไข้ผ่านทางระบบทางเดินหายใจ หรือในรูปแบบของเหลว เช่น น้ำลาย น้ำเหลือง และเลือด หรือละอองปนเปื้อนเชื้อซึ่งสามารถแพร่กระจายเข้าสู่ร่างกายผ่านทางปากและจมูก เมื่อหน้ากากอนามัยถูกใช้งานมากขึ้นก็อาจจะทำให้กลายเป็นขยะติดเชื้อได้
หน้ากากอนามัย เปรียบเสมือนอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่การสัมผัสเชื้อโรคอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นถ้านำไปทิ้งแบบผิดวิธีก็อาจทำให้เชื่อโรคนั้นกระจายตัวได้
ความต้องการใช้หน้ากากอนามัยในช่วง COVID-19 เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ความต้องการใช้หน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เพราะนอกจากหน้ากากอนามัยจะถูกใช้ทางการแพทย์ ในปริมาณที่มากขึ้นเพื่อรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อแล้ว ประชาชนทั่วไปยังมีความต้องการใช้หน้ากากอนามัยมากขึ้นเพื่อป้องกันเชื้อ COVID-19 อีกด้วย โดยหากใช้ วิธีการประมาณการแบบหยาบๆ โดยกำหนดให้ปริมาณการผลิตหน้ากากอนามัย ในประเทศอยู่ที่ 1.56 ล้านชิ้น/วัน2 ทั้งในช่วงก่อนและหลังมีการระบาดของ COVID-19
(ซึ่งไม่นับรวมการเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานที่ผลิตหน้ากาก อนามัยเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยในช่วงที่มีการแพร่ระบาด) ซึ่งจากจำนวนนี้ มีการจัดสรรหน้ากากอนามัยจำนวน 0.8 ล้านชิ้น/วัน ให้กับสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์และที่เหลืออีก 0.76 ล้านชิ้น/วัน ให้กับประชาชนทั่วไป
ถ้าตั้งสมมติฐานว่าในช่วงก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ประชาชนทั่วไปไม่มีความต้องการใช้หน้ากากอนามัย มีแต่บุคลากรทางการ แพทย์ที่ใช้ ดังนั้นปริมาณความต้องการใช้หน้ากากอนามัยในช่วงก่อนมี COVID-19 อยู่ที่ประมาณ 0.8 ล้านชิ้น/วัน ในขณะที่ปริมาณความต้องการใช้ หน้ากากอนามัยในช่วงหลังมี COVID-19 อยู่ที่ 1.56 ล้านชิ้น/วัน เนื่องจากประชาชนหันมาสวมใส่หน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้น เพราะหวาดกลัวการระบาดของmakingCOVID-19 จะเห็นว่าความต้องการใช้หน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว นั่นหมายความว่าในแต่ละวันปริมาณขยะที่เกิดจากหน้ากากอนามัยที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งมีจำนวนมากขึ้นด้วยเช่นกัน
หน้ากากอนามัยเป็นขยะติดเชื้อ หากทิ้งและกำจัด ไม่ถูกต้องอาจรั่วไหลสู่สิ่งแวดล้อมได้
หน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วจัดได้ว่าเป็นขยะติดเชื้อ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการกำจัดอย่างถูกวิธีเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วปนเปื้อนด้วยเสมหะ น้ำลาย น้ำมูกของบุคคลผู้ใช้ และอาจยังปนเปื้อนเชื้อโรคจากบุคคลที่ป่วย หรือผู้เป็นพาหะนำโรคได้ ถ้าหากหน้ากากอนามัยเหล่านี้ไม่ได้รับการ คัดแยกอย่างถูกวิธี ถูกทิ้งปะปนกับขยะชุมชน จะส่งผลให้พนักงานที่ ทำหน้าที่เก็บขนขยะมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อ COVID-19 และเมื่อขยะถูกนำไปกำจัดด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง เช่น เทกองกลางแจ้ง ก็อาจเพิ่มโอกาสที่เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายไปยังคนในชุมชนทั้งทางน้ำและทางอากาศ
นอกจากหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของพนักงานเก็บขยะและคนในชุมชนแล้ว ปริมาณขยะหน้ากากอนามัยแบบ ใช้ครั้งเดียวทิ้งที่จัดการไม่ถูกต้องยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและ สิ่งแวดล้อมได้ เนื่องจากหน้ากากอนามัยมีองค์ประกอบที่ผลิตจากวัสดุที่ ย่อยสลายยาก เช่น โพลีโพรไพลีน (Polypropylene : PP) ซึ่งเป็นพลาสติก ชนิดหนึ่งที่นำมาขึ้นรูปให้เป็นเส้นใยสังเคราะห์แล้วทอให้เป็นแผ่น รวม ไปถึงลวดสำหรับปรับให้เข้ากับโครงจมูกก็ทำมาจากแผ่นพลาสติกขนาดเล็ก หรือลวดโลหะอะลูมิเนียม ซึ่งเป็นส่วนประกอบของหน้ากากอนามัย
จีนและฮ่องกงประสบปัญหาการกำจัดขยะติดเชื้อจาก COVID-19
หลายประเทศที่เริ่มมีการระบาดของ COVID-19 ก่อนประเทศ อื่นๆ เช่น ประเทศจีนและฮ่องกงพบว่าเริ่มประสบปัญหาในการกำจัดขยะ ติดเชื้อแล้ว โดยในฮ่องกงเมื่อประชาชนจำนวนมากสวมใส่หน้ากากอนามัย เพิ่มขึ้นเนื่องจากหวาดกลัวการระบาด อย่างไรก็ดี หลังจากถูกใช้งานแล้วหน้ากากเหล่านี้ถูกทิ้งอย่างไม่ถูกต้อง ส่งผลให้มีขยะหน้ากากอนามัยจำนวน มากลอยมาติดบริเวณชายหาดหมู่เกาะโซโค ของฮ่องกง ขยะดังกล่าวเป็น ภัยคุกคามต่อระบบนิเวศของหมู่เกาะโซโค
การแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังส่งผลให้ประเทศจีนต้องเผชิญ กับปัญหาขยะหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วและขยะติดเชื้อที่เกิดจาก สถานพยาบาลจำนวนมาก การที่ประเทศจีนมีเตาเผาขยะติดเชื้อ ไม่เพียงพอสำหรับกำจัดขยะเหล่านี้อย่างถูกวิธี และมีเตาเผาขยะติดเชื้อ จำนวนหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นสำหรับจัดการกับขยะติดเชื้อในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรค SARs ใกล้สิ้นสุดอายุการใช้งาน ส่งผลให้มีความจำเป็นต้องกำจัดขยะติดเชื้อเหล่านี้อย่างไม่ถูกวิธี อีกทั้งทำให้ประชาชนและพนักงานเก็บขนขยะมีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อจากมูลฝอยติดเชื้อเหล่านี้อีกด้วย
ในกรณีของเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปริมาณมูลฝอยติดเชื้อที่เกิดขึ้นในแต่ละวันสูงถึง 200 ตัน ซึ่งมากกว่าศักยภาพในการรองรับของเตาเผาขยะติดเชื้อถึง 4 เท่าตัว3 ส่งผลให้มีมูลฝอยติดเชื้อจำนวนมากที่ไม่ได้รับการกำจัดอย่างถูกวิธี เพิ่มความเสี่ยงทางด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมภายในเมืองอู่ฮั่น
หน้ากากอนามัยเป็นขยะติดเชื้อ ต้องคัดแยกจาก ขยะทั่วไป – นำไปกำจัดอย่างถูกวิธี
เนื่องจากหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วเป็นขยะติดเชื้อ จึงมีความจำเป็นต้องคัดแยกหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วออกจากขยะมูลฝอยทั่วไป พร้อมทั้งต้องเก็บขนไปยังสถานที่สำหรับกำจัดมูลฝอยติดเชื้อที่มีเตาเผาอุณหภูมิสูงตามแนวทางที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดการมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ. 2545 ไม่ใช่ดำเนินการแบบขยะชุมชน ซึ่งจะทำให้เกิดการแพร่กระจายและติดเชื้อไวรัสได้มากขึ้น
กฎกระทรวงว่าด้วยการจัดการมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ. 2545 ได้ระบุถึง แนวทางในการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อไว้ 3 แนวทาง ได้แก่ การใช้เตาเผา การนึ่งฆ่าเชื้อด้วยไอน้ำ และการทำลายเชื้อด้วยความร้อน ในกรณีที่กำจัด มูลฝอยติดเชื้อในเตาเผา ได้มีการกำหนดให้ใช้เตาเผาที่มีห้องเผามูลฝอยติดเชื้อและห้องเผาควัน การเผามูลฝอยติดเชื้อให้เผาที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 760 องศาเซลเซียส และในการเผาควันกำหนดให้เผาด้วยอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 1,000 องศาเซลเซียส
นอกจากนี้ ในการเผาจะต้องมีการควบคุมมาตรฐาน อากาศเสียที่ปล่อยออกจากเตาเผาด้วย สำหรับการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อด้วยวิธีการทำลายเชื้อด้วยไอน้ำหรือความร้อน จะต้องดำเนินการให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานทางชีวภาพ โดยจะต้องมีประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อ แบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส และปรสิต ที่อยู่ในมูลฝอยติดเชื้อทั้งหมด
มาตรการของไทยในปัจจุบัน เน้นให้ความรู้การทิ้งหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วอย่างถูกวิธี
มาตรการที่ภาครัฐดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เน้นการสร้างความตระหนักและให้ความรู้กับประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับวิธีการทิ้งหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วอย่างถูกวิธี โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวง2020ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงกรุงเทพมหานครได้ออกมา ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับประชาชนว่าสามารถทิ้งหน้ากากอนามัย ที่ใช้แล้วอย่างถูกวิธีได้อย่างไร
โดยแนะนำให้ประชาชนนำหน้ากากอนามัย ที่ใช้แล้วบรรจุใส่ถุงที่ปิดสนิท มัดปากถุงให้แน่น พร้อมติดหน้าถุงว่า “หน้ากากอนามัย” เพื่อให้รถเก็บขนขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเก็บขนไปกำจัด นอกจากนี้ ทางกรุงเทพมหานครจัดให้มี ถังรองรับหน้ากากอนามัย (ถังสีแดง) เฉพาะในจุดที่ทางกรุงเทพมหานครกำหนด เช่น สำนักงานเขตทั้ง 50 แห่ง ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร 11 แห่ง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เป็นต้น
สำหรับประชาชนทั่วไปที่ยังไม่ได้ป่วยจาก COVID-19 ทางภาครัฐ สามารถรณรงค์ให้คนเหล่านี้หันมาใช้หน้ากากผ้าที่สามารถใช้ซ้ำได้ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณขยะหน้ากากอนามัย รวมถึงลดภาระของระบบ เก็บขนและกำจัดขยะติดเชื้อไปได้มาก
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก greennetworkthailand