ชายหาด และชายฝั่งทะเล ถือเป็นระบบนิเวศที่มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญต่อระบบนิเวศ สังคม และเศรษฐกิจ

ปัจจุบันพื้นที่ชายฝั่งทะเลของหลายประเทศทั่วโลกได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแล้ว ชายหาดยังเป็นบ้านหลังใหญ่ให้สิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ เป็นตู้กับข้าวให้สัตว์นานาชนิด เป็นโรงพยาบาลในการวางไข่ของสัตว์น้ำหายาก รวมถึงเป็นกันชนชั้นหนาคอยป้องกันเมื่อมีพายุมาอีกด้วย

ถ้าวันหนึ่ง ‘ชายหาด’ หายไปจะเป็นอย่างไร

ในวารสาร Science Climate Change โดยนักวิทยาศาสตร์จากศูนย์วิจัยร่วมของคณะกรรมาธิการยุโรป (EC-JRC) รวมถึงมหาวิทยาลัยในสเปน โปรตุเกส และเนเธอร์แลนด์ ได้รายงานว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและระดับน้ำทะเล อาจทำให้ชายหาดกว่าครึ่งโลกหายไปภายใน ค.ศ. 2100 อีกทั้งมีการสันนิษฐานว่า ในอีก 30 ปีข้างหน้า ชายหาดกว่า 14 เปอร์เซ็นต์จะเผชิญกับการกัดเซาะอย่างรุนแรง

ประเมินสภาพการณ์-ร้ายแรงกับร้ายแรงมาก

ถ้ามนุษย์สามารถรักษาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 3 องศาเซลเซียส เหนืออุณหภูมิในช่วงก่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม (ในข้อตกลงปารีสให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส) ตามคาดการณ์ภายใน ค.ศ. 2100 ชายหาดจะหายไป 95,000 กิโลเมตร หรือในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่ลดลงหรือไม่มีการควบคุมอย่างจริงจัง ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ชายหาดทั่วโลกจะถูกน้ำทะเลกลืนลงไปกว่า 49.5 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นระยะทางถึง 132,000 กิโลเมตร ภายใน ค.ศ. 2100

“ถ้าเราจำกัดปริมาณก๊าซเรือนกระจก (GHG) ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ได้จริงๆ เราจะสามารถป้องกันการสูญเสียชายหาดได้ 17 เปอร์เซ็นต์ภายใน ค.ศ. 2050 และ 40 เปอร์เซ็นต์ใน ค.ศ. 2100” Vousdoukas – คณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวกับสำนักข่าว The Guardian

‘ออสเตรเลีย’ ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด

‘ออสเตรเลีย’ ดินแดนในฝันของคนรักทะเล เป็นประเทศซึ่งประกอบด้วยแผ่นดินหลักของทวีปออสเตรเลีย เกาะแทสเมเนีย และเกาะอื่นๆ ในมหาสมุทรอินเดีย มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรแอนตาร์กติก ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งประเทศที่มีชายหาดและโลกใต้น้ำที่สวยสะกดตา ถึงขนาดที่ว่า ‘ซิดนีย์’ เคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองชายหาดอันดับที่ 8 ของโลกใน ค.ศ. 2013 อีกด้วย

ซึ่งในวารสารได้คาดการณ์ว่า ภายใน ค.ศ. 2100 ‘ออสเตรเลีย’ จะเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมากที่สุด โดยอาจมีชายหาดหายไปเกือบ 14,849 กิโลเมตร หรือประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของแนวชายฝั่งทั้งหมดของประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีประเทศอื่นๆ ที่คาดว่าจะสูญเสียพื้นที่หาดทรายเช่นกัน ได้แก่
– แคนาดา 14,425 กิโลเมตร
– ชิลี 6,659 กิโลเมตร
– สหรัฐฯ 5,530 กิโลเมตร
– เม็กซิโก 5,488 กิโลเมตร
– จีน 5,440 กิโลเมตร
– สหราชอาณาจักร 2,415 กิโลเมตร

แน่นอนว่าถ้าประเทศไหนที่มีเศรษฐกิจต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวพื้นที่ชายฝั่งทะเล คงได้รับผลกระทบอย่างหนักกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแน่นอน

การกระทำของมนุษย์ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง

ปรากฏการณ์ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ชายหาดหายกว่าครึ่งไม่ได้เกิดจากสาเหตุภาวะโลกร้อนอย่างการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล คลื่นลมรุนแรง และสภาพอากาศแปรปรวนเท่านั้น แต่การกระทำของมนุษย์ เช่น การก่อสร้างอาคารบริเวณชายหาด การสร้างเขื่อนหรือฝายกั้นแม่น้ำ ก็ทำให้เกิดการพังทลายของชายฝั่งทะเล

เนื่องจากตะกอนที่จะมาทับถมมีปริมาณน้อยลง หรือการถมสร้างชายหาดเทียมก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ชายหาดทั่วโลกต้องหายไปเช่นกัน ดังนั้นถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราต้องหวงแหนและคิดถึงชายหาดและท้องทะเลให้มากกว่านี้

ขอบคุณแหล่งที่มาจาก urbancreature

รักษ์โลกแม้สิ้นใจ ฝังใน “โลงศพใยเห็ด“

Previous article

10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับความยั่งยืน

Next article

You may also like

More in Life