กลุ่มเซ็นทรัล” เชิญชวนทุกคนร่วมลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อโลกใบเดียว กับแคมเปญ “Love the Earth” (เลิฟ ดิ เอิร์ธ) เนื่องใน “วันสิ่งแวดล้อมโลก” ลงมือทำ ลดขยะ เพิ่มพื้นที่สีเขียว ฟื้นฟูป่า เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน วิกฤติด้านสิ่งแวดล้อม ที่ถูกหยิบยกให้เป็นวาระเร่งด่วน 3 ประเด็น ได้แก่ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ซึ่งส่งผลต่อทั้งเศรษฐกิจและสังคม ถัดมา คือ “การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ” ทั้งดิน น้ำ อากาศ และสิ่งมีชีวิต ความสมดุลทางธรรมชาติลดลง และสุดท้าย คือ “ประเด็นเรื่องมลพิษ” ฝุ่น PM2.5 ที่หลายฝ่ายพยายามเดินหน้าแก้ไขปัญหา
จากคำบอกเล่าของ “ธันณี ศรีสกุลไชยรัก” เจ้าหน้าที่วิชาการ โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติสำนักภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี วันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งในปีนี้กำหนดแนวคิด “Only one Earth” สิ่งสำคัญ คือ การสื่อสารอย่างไรให้คนเข้าใจว่าเรามีโลกเพียงใบเดียว 3 วิกฤติด้านสิ่งแวดล้อมข้างต้นมีความเชื่อมโยงกันทั้งหมด หากแก้ปัญหาหนึ่งได้จะส่งผลในภาพรวม ดังนั้น การกระจายความรู้ สร้างความตระหนัก สื่อสารเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยน สร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกัน เกิดการ “เปลี่ยนใจ” สู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างถาวร โจทย์สำคัญนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือทั้งภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศ และสุดท้ายคือ ภาคธุรกิจ ที่มีความใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากที่สุด
จุดเล็กๆ สู่ความยั่งยืน
กลุ่มเซ็นทรัล และบริษัทในเครือ ได้แก่ เซ็นทรัลรีเทล , เซ็นทรัลพัฒนา และ เซ็นทารา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่ตั้งเป้าด้านความยั่งยืนมา อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ร่วมกับ โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP: United Nations Environment Programme) รณรงค์เชิญชวนทุกคน ร่วมลงมือทำเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อโลกใบเดียว กับแคมเปญ “Love the Earth” (เลิฟ ดิ เอิร์ธ) ชวนลงมือทำ ลดขยะ เพิ่มพื้นที่สีเขียว ฟื้นฟูป่า เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
“พิชัย จิราธิวัฒน์” กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวในงานแถลงข่าว การขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มเซ็นทรัล ภายใต้แคมเปญ “Love the Earth” ว่า ที่กลุ่มเซ็นทรัล มีความมุ่งมั่นในเรื่องความยั่งยืน และจริงจังในการขับเคลื่อนนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยเริ่มสร้างการรับรู้ผ่านคนในองค์กร พนักงาน ผู้บริหาร ภายใต้ เซ็นทรัล ทำ ด้วยการลงมือทำผ่านการดำเนินโครงการและการดำเนินธุรกิจต่างๆ ของบริษัทในเครืออย่างเซ็นทรัลรีเทล, เซ็นทรัลพัฒนา และเซ็นทารา
อาทิ การส่งเสริมสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลดการสูญเสียทรัพยากรในห่วงโซ่อุปทาน การใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการ การแยกขยะเพื่อลดขยะสู่หลุมฝังหลบ อาทิ การจัดการขยะพลาสติกและอาหาร การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
“เรื่องของสิ่งแวดล้อม เป็นโจทย์ใหญ่ที่ว่าจะทำอย่างไรให้บรรลุเป้าหมาย เราเริ่มจาก สังคมที่อยู่ใกล้เรามากที่สุด เช่นครอบครัว เพื่อนร่วมงาน คือ แก้ปัญหาขยะ ผลการดำเนินงานปี 2564 ลดการใช้ถุงพลาสติกไปแล้วกว่า 160 ล้านใบ รีไซเคิลขยะไปแล้ว 8,400 ตัน บริจาคอาหารให้ โครงการ SOS Thailand กว่า 1.2 ล้านมื้อ ถัดมา คือ การทำให้ พื้นที่ธุรกิจเราให้สะอาดน่าอยู่ นำร่องที่เซ็นทรัลลาดพร้าว โดยการ ปรับปรุงภูมิทัศน์ ในรัศมี 4 ตารางกิโลเมตร รอบศูนย์การค้า แจกถังดักเก็บน้ำมันรถเข็นขายของ 150 ราย”
“และสุดท้าย คือการปลูกป่า พัฒนาปรับปรุงพื้นที่ทางการเกษตร อย่างเหมาะสม และนำความหลากหลายทางชีวภาพกลับมา โดยเฉพาะป่าชายเลนที่สามารถเก็บกักคาร์บอนได้มากกว่าป่าทั่วไปถึง 5 เท่า อีกทั้ง สร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในสังคมขับเคลื่อนโครงการด้านสิ่งแวดล้อม สร้างการตระหนักรู้ด้านการผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืน”
Love the Earth รักษ์โลกผ่านการใช้ชีวิต
เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day 2022) กลุ่มเซ็นทรัล ได้เชิญชวนลูกค้าและทุกภาคส่วน รักษ์โลกผ่านรูปแบบการใช้ชีวิตที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม กับแคมเปญ “Love the Earth” (เลิฟ ดิ เอิร์ธ) ภายใต้โครงการเพื่อสังคมหลัก “เซ็นทรัล ทำ” ได้แก่ การลดปริมาณขยะ (Journey to Zero) การเพิ่มพื้นที่สีเขียว (Central Green) และฟื้นฟูป่า (Forest Restoration) สอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs ขององค์กรสหประชาชาติ ผ่าน 3 ธีมหลัก ที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่
- “Better-Living” ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตสู่วิถีการบริโภคอย่างยั่งยืน เริ่มต้นที่ตนเองด้วยการคัดแยกขยะ การลดการใช้พลังงาน และการเพิ่มพื้นที่สีเขียว
- “Better-Shopping” ช้อปปิ้งแบบรักษ์โลกง่ายๆ ด้วยการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สนับสนุนสินค้าพื้นถิ่น วางแผนการช้อปปิ้งล่วงหน้าและซื้อเท่าที่จำเป็น
- “Better-Travelling” ชวนท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน แบบฉบับ Green Tourism ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบและลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม
“ล่าสุด เซ็นทรัลได้นำแพลตฟอร์มออนไลน์มาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อเชิญชวนให้พนักงาน ลูกค้า และพันธมิตรหันมาปลูกต้นไม้ภายใต้ โครงการ ‘ชวนปลูก’ (Plant Together) ในวันสำคัญต่างๆ
โดยผู้ใช้แพลตฟอร์มนี้สามารถตรวจสอบพันธุ์ไม้ สถานะการปลูก จุดที่ปลูกและติดตามการเติบโตของต้นไม้ในพื้นที่ต่างๆ ที่จะสามารถเพิ่มความสะดวกให้กับทุกคน และยังช่วยให้โลกของเราน่าอยู่มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การเดินหน้าสู่เป้าหมายความยั่งยืนในทุกมิติ เราทำคนเดียวคงไม่สำเร็จ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกัน เริ่มทำในวันนี้ เพื่อโลกที่มีอยู่ใบเดียวของเรา” พิชัย กล่าว
พลาย ภิรมย์ ผู้จัดการโครงการเสริมสร้างการบริโภคและผลิตที่ยั่งยืน WWF-ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า โลกใบเดียวที่เรามีอยู่ หากย้อนกลับไปเมื่อ 50 ปีก่อน ผู้คนยังไม่ตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่วันนี้เราเห็นวิกฤต 3 ข้อที่เกิดขึ้น โจทย์สำคัญ คือทำอย่างไรให้ใช้ ทิ้ง และวนกลับมาใช้ใหม่
เป็นสิ่งที่สามารถทำได้หากเปลี่ยนรูปแบบการผลิตและบริโภค ทุกคนสามารถช่วยโลกได้ ตั้งแต่การกินอย่างรับผิดชอบไม่เหลือทิ้ง เลือกอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ภาคส่วนที่สำคัญ คือ กลุ่มธุรกิจ ซึ่งมีศักยภาพ เป็นศูนย์กลาง และสร้าง Impact ได้เยอะ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs ข้อ 12 สร้างหลักประกันให้มีรูปแบบการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน เป็นเพียงข้อเดียวที่เป็นเป้าหมายในการเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนั้น หากเปลี่ยนพฤติกรรมได้ จะสามารถบรรลุอีก 16 ข้อได้ทั้งหมด
จากจุดเล็กๆ ในการสร้างความเข้าใจร่วมกันในองค์กร สู่ความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ รวมถึงพยายามสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภค ผ่านโครงการ “เซ็นทรัล ทำ” และอีกหลายโครงการของบริษัทในเครือ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่พร้อมขับเคลื่อนโครงการด้านสิ่งแวดล้อมให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรสีเขียวอย่างเต็มรูปแบบ
สานต่อ “เซ็นทรัล ทำ”
กลุ่มเซ็นทรัล เดินหน้าขับเคลื่อนกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ผ่านโครงการ “เซ็นทรัล ทำ” โดยบริษัทในเครือ ได้แก่ “เซ็นทรัลรีเทล” ซึ่งมีการซื้อผลผลิตทางการเกษตรตรงจากเกษตรกรและชุมชนจำหน่ายในจังหวัด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่ง ส่งเสริมสินค้าเกษตรอินทรีย์ (Organic) และสินค้า OTOP งดแจกถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
นำอาหารส่วนเกินไปบริจาคให้กับชุมชนผู้เปราะบาง และนำขยะอาหารไปหมักย่อยสลายผลิตเป็นปุ๋ยและก๊าซชีวภาพ , เปิด จริงใจ Farmers’ Market 27 สาขา (ข้อมูล ณ ธ.ค.64) ให้เกษตรกรในท้องถิ่นได้มีพื้นที่จำหน่ายสินค้าปลอดภัย ปลอดสารพิษ และเกษตรอินทรีย์ เพื่อสร้างรายได้รวม 220 ล้านบาท
ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftops) โดยในปี 2564 สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 30.02 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์ และลดการใช้พลังงานที่มาจากแหล่งเชื้อเพลิงฟอสซิลในปริมาณ 51,566 เมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) , โครงการลดการใช้พลังงาน โดยนำนวัตกรรมระบบทำความเย็นเพื่อลดคาร์บอนฟุตพรินต์ และลดการสูญเสียพลังงานโดยไม่จำเป็น สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณ 10,237.52 ตันคาร์บอนไดออกไซด์
บริจาคเงินให้โครงการต่าง ๆ ผ่าน มูลนิธิสิ่งแวดล้อม เพื่อนำเงินไปสนับสนุนกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกป่าและสร้างงานสร้างอาชีพให้เกษตรกรในชุมชน , ใช้รถ EV Trucks รถบรรทุกไฟฟ้าพลังงานสะอาด จำนวน 6 คัน ทดลองวิ่งใน 21 สาขา
ซึ่งรถจำนวน 1 คัน สามารถวิ่งได้ระยะทางถึง 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง คิดเป็นมูลค่า 3 บาท ต่อ 1 กิโลเมตร สามารถลดค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงานจากเดิมที่เป็นพลังงานดีเซลได้ถึง 50% ตั้งเป้าการเพิ่มรถบรรทุกพลังงานสะอาด กว่า 50% รวมจำนวน 30 คัน ในปี 2566 ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 200 ต้น ต่อปี
“เซ็นทรัลพัฒนา” พัฒนานวัตกรรมด้านการจัดการพลังงาน และสิ่งแวดล้อม ยกระดับศูนย์การค้าสู่มาตรฐานอาคารเขียวระดับสากล หรือ LEED (Leadership in Energy and Environmental Design)
พัฒนาอาคารประหยัดพลังงาน MEA (การไฟฟ้านครหลวง) จำนวน 10 แห่ง ใช้พลังงานสะอาดและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้โซลาร์เซลล์ในศูนย์การค้า ปัจจุบัน 17 สาขา ผลิตได้ 16 MW โดยตั้งเป้าจะติดตั้งให้ได้ทุกสาขา
ตั้งเป้าผลิตพลังงานสะอาดเทียบเท่ากำลังผลิตพลังโซลาร์เซลล์จากเขื่อนสิรินธร (45 MW per day) , ตั้งเป้าเป็นองค์กร Mixed-use Developer รายแรกสู่ Net Zero ภายในปี 2050 ด้วยแผนระยะยาวตั้งเป็น Net Zero Carbon Emission ผ่านการลดการใช้พลังงาน 50% ลดการใช้ CFC และสารที่ทำลายชั้นบรรยากาศ
และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดหรือ Clean Energy อีก 50% นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้งภายในและภายนอกโครงการให้ได้ถึง 1 ล้านต้นโดยเร็ว
“เซ็นทารา” เปิดตัวคอนเซ็ปต์ Plastic-Free Resort ใน Centara Reserve Samui ลดการใช้พลาสติกแบบ Single-Use, สปาออร์แกนิก โดยเฉพาะ Fresh Garden Therapy ที่ลูกค้าสามารถเลือกส่วนผสมของทรีตเมนต์ได้เองจากสวนสมุนไพรของรีสอร์ต , โครงการ Going Greener เชิญชวนลูกค้าใช้ผ้าเช็ดตัวและผ้าปูที่นอนซ้ำ
เพื่อลดการใช้น้ำและสารเคมีในการซักและทำความสะอาด รวมถึงโครงการ My Green Day ให้ลูกค้าที่เข้าพักมากกว่า 1 คืน
ร่วมโครงการโดยแสดงความประสงค์ไม่ต้องการทำความสะอาดห้องพักเพื่อลดการใช้ทรัพยากรต่างๆ , โครงการคัดแยกขยะเพื่อนำไปรีไซเคิล เพื่อลดปริมาณขยะที่ส่งไปหลุมฝังกลบ ช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก , โครงการลดการสูญเสียอาหาร (Food Loss) จัดทำครัวกลางในการจัดการวัตถุดิบของทุกห้องอาหาร เพื่อลดการสูญเสียและประหยัดค่าใช้จ่าย
การจัดการอาหารเหลือที่ยังรับประทานได้ (Surplus Food) โดยบริจาคให้กับ SOS Thailand เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ , ขยะอาหารและขยะอินทรีย์ (Organic Waste) นำไปทำปุ๋ยหมัก และก๊าซชีวภาพ
โดยปุ๋ยหมักแบ่งใช้ในพื้นที่สวนของโรงแรมพร้อมยังแจกจ่ายให้กับลูกค้าและชุมชนใกล้เคียง ส่วนก๊าซชีวภาพนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการทำอาหาร , การรีไซเคิลขยะอื่นๆ
เช่น น้ำมันใช้แล้ว (Used Cooking Oil) นำไปทำไบโอดีเซล, พลาสติกกำพร้านำส่งไปเปลี่ยนเป็นน้ำมันใช้ผลิตเชื้อเพลิง (Advanced Bio-oil) , แบรนด์ มิสเตอร์ โดนัท ในเครือบริษัทเซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป (ซีอาร์จี) จำนวน 23 สาขาทั่วประเทศ ส่งมอบอาหารส่วนเกินจากการจำหน่ายให้แก่มูลนิธิ และชุมชน ต่างๆ
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก เซ็นทรัล