เล่าเรื่องครอบครัว “วิลล์ สมิธ” ที่กำลังเป็นข่าว ด้วยความสำเร็จของ “เจเดน สมิธ” ลูกชาย ผู้เป็นผู้ริเริ่ม “JUST Water” แบรนด์เครื่องดื่มรักษ์โลกของที่ได้จุดเริ่มต้นจากการมองเห็นขยะในทะเล
1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ‘วิลล์ สมิธ’ ตกเป็นคำค้นหาของผู้คนทั่วโลก ทั้งจากเหตุการณ์บนเวทีออสการ์ ที่เขาตบหน้าคริส ร็อค ซึ่งเล่นมุกพาดพิงจาดา พิงเกตต์ สมิธ ผู้เป็นภรรยา และในกรณีที่คณะกรรมการตัดสินรางวัลออสการ์มีมติสั่งห้าม ‘วิลล์ สมิธ’ เข้าร่วมงานออสการ์เป็นเวลา 10 ปีเต็ม นับตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป
ครอบครัวสมิธ ไม่ได้แค่วิลล์ สมิธ ที่เป็นดาราดังที่คนทั่วโลกรู้จักเท่านั้น เพราะ พิงเกตต์ สมิธ ผู้เป็นภรรยาก็มีผลงานด้านดนตรีตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 อีกทั้งลูกชายของเขา “เจเดน สมิท” ก็เคยมีผลงานมาแล้วในเรื่อง The Pursuit of Happyness ภาพยนตร์ที่ออกฉายเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 2006 และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
สำหรับตัวของ ‘เจเดน สมิท’ สิ่งที่ทำให้ผู้คนในอเมริการู้จักเขาไม่ใช่เพราะผลงานในการแสดงภาพยนตร์ดังกล่าวเท่านั้น แต่เขายังเป็นเจ้าของแบรนด์ Just Water หรือที่ถูกคนเรียกสั้นๆว่า Just แบรนด์เครื่องดื่มสตาร์ตอัพน้ำดื่มน้องใหม่ที่ใช้เวลาเพียง 4 ปี ก็ได้รับการประเมินมูลค่าแตะ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3,300 ล้านบาท
จุดเริ่มต้นเครื่องดื่มรักษ์โลก
แรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์ JUST เกิดขึ้นเมื่อ 7 ปีก่อน ขณะในขณะที่ เจเดน กำลังเรียนโต้คลื่นอยู่ และในจังหวะนั้นเองเขาเหลือบไปเห็นขวดพลาสติกลอยอยู่กลางทะเล ซึ่งนั่นก็เป็นแรงบันดาลใจให้เขาต้องทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับมัน โดยเฉพาะความตั้งใจที่จะพัฒนาให้ผู้คนเลิกใช้ต่อพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง (single-use plastic)
ในตอนนั้น เขายังเด็กเกินไปที่จะให้ความมุ่งหวังกลายเป็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม แต่เขาก็พยายามเล่าไอเดียที่ว่า อยากจะทำน้ำดื่มบรรจุขวดที่เป็นมิตรต่อโลกให้คนอื่นฟังไปทั่ว แม้จะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เขาก็ยังไม่ทิ้งความคิดนี้ไป
จนกระทั่งเจเดนสามารถทำฝันให้เป็นจริงได้ ก็ตอนอายุ 17 ปี โดยการช่วยเหลือของ วิล สมิธ ผู้เป็นพ่อ จนเกิดเป็นธุรกิจน้ำดื่มบรรจุขวดแบรนด์ “JUST Water” ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2015
จุดเด่นของ JUST Water หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า JUST บรรจุในขวดกระดาษ โดย 85% ของขวดผลิตจากทรัพยากรที่ใช้แล้วไม่หมดไป (renewable resources) โดยวัสดุหลัก คือ กระดาษ จะต้องเป็นกระดาษจากต้นไม้ที่ตัดโดยได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง
ขณะที่สัดส่วนที่เหลืออีก 15% คือพลาสติก ที่ทดแทนด้วยไบโอพลาสติก หรือพลาสติกชีวภาพ เช่น จากพืช ซึ่งจัดเป็นวัสดุหมุนเวียน ไม่หมดไปเหมือนปิโตรเลียมซึ่งใช้กันในพลาสติกส่วนใหญ่ของโลก และเป็นส่วนที่มาจากอลูมินัมฟอยล์ และฟิล์มพลาสติกปลอดสาร BPA ที่จำเป็นต้องใช้เพื่อความถูกสุขอนามัย ป้องกันการปนเปื้อน ปกป้องความสมบูรณ์ของขวด
น้ำ ในขวดของ Just ต่างจากน้ำดื่มทั่วไป เพราะแบรนด์ Just จะใช้น้ำพุธรรมชาติ (Spring water) ซึ่งไม่ใช่แค่ทำเพราะเป็นกิมมิคเก๋ๆ แต่การใช้แหล่งน้ำธรรมชาติมากรองด้วยไมโครฟิลเตอร์ และผ่านแสงยูวี และโอโซนก่อนจะบรรจุขวดอย่างของ JUST นั้นได้ข้อสรุปว่า ใช้ความสิ้นเปลืองน้อยกว่าการเอาน้ำประปามาผ่านกระบวนการ ที่ไหนจะต้องใช้พลังงาน แถมยังมีน้ำเสียที่ต้องทิ้งไปให้เสียของอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ในกระบวนการจัดส่ง JUST Water สามารถทำการจัดส่งน้ำดื่มทั้งหมด 1.5 ล้านขวดภายใน 1 รถบรรทุก เมื่อเทียบกับขวดพลาสติกอื่นๆ ในปริมาณเท่าๆ กัน ซึ่งต้องใช้รถบรรทุก 13 คัน ซึ่งนั่นส่งผลให้เกิดการลดการปล่อยมลพิษที่ส่วนใหญ่เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 74% เมื่อเทียบเท่ากับขวดพลาสติกอื่นๆ
ความสำเร็จของ Just
ปัจจุบันนี้ แบรนด์ JUST Water มีอายุ 7 ปี มีโรงงานผลิตถึง 3 แห่งในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย และมีการวางจำหน่ายใน 10 ประเทศ
นอกจากนี้ ในอดีต ยังได้ร่วมมือกับแบรนด์สนีกเกอร์สาย Eco-Friendly อย่าง Allbirds จัดทำรองเท้าคอลเลกชันพิเศษ Tree Runners และ Tree Toppers ซึ่งรายได้ 100% จากความร่วมมือในครั้งนี้ จะไปสนับสนุนกองทุนช่วยเหลือปัญหาไฟป่าในแอมะซอน ที่มีลีโอนาร์โด ดิคาร์ปิโอ นักแสดงชื่อดังชาวอเมริกันเป็นผู้ก่อตั้ง
Just ยังมีการร่วมมือกับ PANGAIA แบรนด์แฟชั่นที่มีจุดยืนด้านความยั่งยืน ซึ่งโด่งดังในการนำนวัตกรรมวิทยาศาสตร์มาใช้ โดยทั้งสองแบรนด์ได้ออกคอลเลกชัน PANGAIA x JUST ร่วมกัน ประกอบด้วย การผลิตเสื้อผ้า 9 ประเภท ในเฉดสีฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์ของ JUST โดยใช้นวัตกรรมสีย้อมรักษ์โลกของ PANGAIA ที่ลดการใช้ทรัพยากรน้ำ และไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
มากไปกว่านั้น JUST ได้ผ่านกระบวนการรับรองจาก “Beneficial Corporation Certifications” หรือ “B Corp” ในฐานะธุรกิจที่สร้างคุณประโยชน์แก่สังคม ที่มีความโปร่งใสและจริงใจต่อสังคมอย่างแท้จริงด้วย และทั้งหมดจึงบอกว่า เจเดน สมิธ หนึ่งในครอบครัวสมิธ เป็นหนึ่งในคนทำธุรกิจที่เอาจริงเอาจังกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมากๆ
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก bangkokbiznews