‘สิ่งแวดล้อม’ และ ‘ความยั่งยืน’ เพราะพวกเขาเชื่อว่าโลกต้องได้รับการรักษาและฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันผลกระทบที่รุนแรงจากวิกฤตโลกรวน
เพราะเหตุนี้ ประเด็นเรื่องความยั่งยืนจึงกลายเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงทั่วโลก แทบทุกอุตสาหกรรมต้องหยิบเรื่องนี้มาพูดถึง ภาครัฐ เอกชน หรือแม้แต่ธุรกิจของคนตัวเล็กๆ เองก็พยายามชูนโยบายสีเขียวและใส่ดีเอ็นเอความยั่งยืนในมิติต่างๆ ให้บริษัทของตัวเอง ทั้งแง่สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม
จึงขอพาไปทำความเข้าใจเรื่อง ‘สิ่งแวดล้อม’ และ ‘ความยั่งยืน’ แบบเจาะลึกมากขึ้นผ่าน 7 คำศัพท์สิ่งแวดล้อม ที่กำลังมาแรงเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ ตั้งแต่แนวคิดการออกแบบเขตเชิงระบบนิเวศ ระบบเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืนรูปแบบใหม่ รวมถึงระบบทุนนิยมและการบริโภคอย่างมีจิตสำนึก ซึ่งทั้งหมดล้วนมีเป้าหมายทำให้วงจรความยั่งยืนเกิดขึ้นจริงในสังคมของเรา
คำศัพท์สิ่งแวดล้อม 01 Eco-district
เพราะสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเป็นเรื่องที่ส่วนรวมควรรับผิดชอบร่วมกัน จึงเป็นที่มาของคำว่า ‘Eco-district’ หรือ ‘เขตเชิงระบบนิเวศ’ ซึ่งหมายถึงการกำหนดวางแผนผังเมือง เพื่อรวบรวมเป้าหมายเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนและความเท่าเทียมทางสังคมเข้าด้วยกัน รวมถึงลดผลกระทบทางระบบนิเวศที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ในพื้นที่ใกล้เคียง ตัวเมือง และภูมิภาคให้น้อยลงด้วย
มากไปกว่านั้น Eco-district ยังโฟกัสที่การสร้างสภาพแวดล้อมทางสังคมที่หลากหลายและใช้งานได้จริง ทั้งด้านที่อยู่อาศัย บริการ และการพักผ่อนหย่อนใจ เพื่อทำให้ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยแนวคิดนี้เกิดจากการพิจารณาปัญหาสิ่งแวดล้อมร่วมกันของภาคส่วนต่างๆ และคนในชุมชน
การออกแบบ Eco-district จำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน โดยส่วนใหญ่เขตเชิงระบบนิเวศจะประกอบไปด้วยระบบขนส่งสาธารณะ อาคารที่ประหยัดน้ำและพลังงาน พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเดินและปั่นจักรยาน แหล่งพลังงานหมุนเวียนส่วนกลางที่ผู้คนใช้ร่วมกันได้ รวมถึงการจัดการขยะที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ
02 Circular Economy
‘Circular Economy’ หรือ ‘เศรษฐกิจหมุนเวียน’ คือแนวคิดที่ถูกพูดถึงและนำมาใช้มากขึ้นในแวดวงธุรกิจของประเทศไทย มีความหมายว่า การออกแบบกระบวนการผลิตภัณฑ์ บริการ และรูปแบบธุรกิจให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเน้นที่การลดของเสีย และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านการเก็บผลิตภัณฑ์และวัสดุไว้ใช้อีก ผลิตซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่ จนเกิดของเสียน้อยลงหรือไม่เกิดของเสียเลย
พูดได้ว่าแนวคิด Circular Economy เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะเพิ่มศักยภาพให้กับบรรดาธุรกิจ กระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมถึงส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับประเทศไทยทั้งภาครัฐและเอกชนต่างชูนโยบายเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อผลักดันสังคมให้ก้าวเข้าสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), บริษัท SCG, บริษัท GC และโครงการเซ็นทรัล ทำ รวมถึงบริษัทสตาร์ทอัป Moreloop ที่ส่งต่อผ้าส่วนเกินจากโรงงานไปยังลูกค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์
Circular Economy จึงเป็นแนวคิดที่ธุรกิจทั้งขนาดเล็กและใหญ่ให้ความสำคัญ เพราะเป็นการช่วยสร้างความยั่งยืน และความเปลี่ยนแปลงทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
03 Bio-Circular-Green Economy (BCG)
อีกโมเดลทางเศรษฐกิจที่เห็นบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ในปีนี้คือ ‘Bio-Circular-Green Economy (BCG)’ ซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืนรูปแบบใหม่ ที่เกิดจากการพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติไปพร้อมๆ กัน ได้แก่
– B จาก ‘Bio Economy’ หรือ ‘ระบบเศรษฐกิจชีวภาพ’ ที่เน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างคุ้มค่า
– C จาก ‘Circular Economy’ หรือ ‘ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน’ ที่เน้นการนำวัสดุกลับมาใช้ รวมถึงใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
– G จาก ‘Green Economy’ หรือ ‘ระบบเศรษฐกิจสีเขียว’ ที่เน้นแก้ปัญหาด้านมลพิษเพื่อลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
แม้ว่าทั้งสามมิติด้านเศรษฐกิจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การผสมผสานกันของแนวคิดเหล่านี้ จนเกิดเป็น BCG ก็นำมาซึ่งการปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริง รวมถึงทำให้สังคมโลกปรับตัวต่อความท้าทายต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น โดยเป้าหมายหลักที่ทุกฝ่ายมีร่วมกันคือ การปกป้องสิ่งแวดล้อมและลดปัญหาโลกร้อน เพื่อปรับให้ระบบเศรษฐกิจมีความสมดุลและยั่งยืนมากขึ้น
04 Conscious Capitalism
อย่างที่รู้กันว่าหลายประเทศทั่วโลกมีระบบเศรษฐกิจแบบ ‘ทุนนิยม’ ที่มีเจ้าของเอกชนหรือ ‘นายทุน’ เป็นผู้ควบคุมการค้า อุตสาหกรรม รวมถึงวิถีการผลิต โดยมีเป้าหมายเพื่อทำกำไรในเศรษฐกิจแบบตลาด
ทว่าข้อเสียหลักๆ ของระบบนายทุนที่อำนาจทางการตลาดกระจุกอยู่ที่คนกลุ่มเดียวคือ การปิดกั้นโอกาสเติบโตของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก จนเกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจในสังคม เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกต่อต้านหรือไม่อยากสนับสนุนแนวคิดของระบบนี้สักเท่าไหร่
จากปัญหาทางเศรษฐกิจที่กล่าวมา ทำให้เกิดคำว่า ‘Conscious Capitalism’ หรือ ‘ระบบทุนนิยมอย่างมีจิตสำนึก’ ซึ่งหมายถึงแนวคิดที่เชื่อว่าเราสามารถพัฒนาธุรกิจให้มีเป้าหมายนอกเหนือจากการแสวงหาผลกำไร โดยมุ่งเน้นที่เป้าหมายทางด้านจริยธรรมและความยั่งยืน รวมถึงการตระหนักถึงผลกระทบของตัวธุรกิจที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจด้วย
05 Conscious Consumption
พูดถึงวิถีใหม่ของระบบทุนนิยมกันไปแล้ว ทางฝั่งของผู้บริโภคเองก็มีแนวคิดลักษณะคล้ายกันที่เรียกว่า ‘Conscious Consumption’ หรือ ‘การบริโภคอย่างมีจริยธรรม’ ซึ่งหมายถึงการปฏิบัติและพฤติกรรมการบริโภคอย่างมีสติ โดยเน้นที่การจับจ่ายสินค้าและบริการจากแบรนด์ที่มีแนวคิดเพื่อสังคม สิ่งแวดล้อม และมีส่วนช่วยในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลกของเรา
คนไทยจำนวนไม่น้อยเริ่มโอบรับแนวคิดนี้ เห็นได้จากการเลือกซื้ออาหาร ผลิตภัณฑ์ และบริการที่ไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ขั้นตอนของกระบวนการผลิต ตั้งแต่การปลูกวัตถุดิบ การผลิตสินค้า จนถึงการขนส่ง ยังต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย
06 Biophilic Design
กระแสเรื่องความยั่งยืนไม่ได้มาแรงในแวดวงการทำธุรกิจและพฤติกรรมการบริโภคเท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมมากขึ้นในวงการการออกแบบด้วย ซึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรงคือ ‘Biophilic Design’ ซึ่งเป็นการออกแบบที่ดึงธรรมชาติและผู้คนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันมากขึ้น
ต้นกำเนิดของคำว่า Biophilia มาจากการรวมกันของรากศัพท์ภาษากรีก 2 คำ ได้แก่ ‘Bios’ ที่หมายถึงชีวิต และ ‘Phila’ ที่หมายถึงความรักในลักษณะฉันมิตรหรือเท่าเทียม เมื่อรวมกันจะมีความหมายว่า ‘Love of Life’ หรือ ‘ความรักในชีวิต’ นั่นเอง โดยผู้คิดค้นแนวคิด Biophilic อย่าง Edward Osborne Wilson ได้นิยามคำนี้ว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนเป็นผลผลิตของธรรมชาติ และจะเชื่อมโยงหากันโดยไม่ต้องปรุงแต่งใดๆ
ทว่า Biophilic Design นั้นไม่ใช่การออกแบบด้วยการปลูกต้นไม้หรือการออกแบบให้เข้ากับธรรมชาติเพียงอย่างเดียว แต่คือการออกแบบที่ต้องคำนึงถึงการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งยังต้องเชื่อมโยงผู้คนให้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติได้อย่างแท้จริง
07 Greenwashing
แม้ว่าหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนทั่วโลกพยายามชูนโยบายเรื่องสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เข้ากับเทรนด์รักษ์โลกหรือการเตรียมรับมือกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่กำลังเกิดขึ้น แต่ผู้บริโภคเองก็ควรตั้งคำถามถึงแนวทางและผลลัพธ์ของบรรดาธุรกิจต่างๆ ด้วย ไม่อย่างนั้นอาจตกหลุมพรางของ ‘Greenwashing’ หรือ ‘การฟอกเขียว’ ก็เป็นได้
การฟอกเขียว หมายถึงวิธีการทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดด้วยการโฆษณาตัวองค์กรว่ามีภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงการอ้างว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ มีความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ด้านการดำเนินงาน เป้าหมาย หรือตัวผลิตภัณฑ์และบริการเองก็ตาม ทั้งที่ความจริงแล้วบริษัทเหล่านี้ไม่ได้สร้างความยั่งยืนหรือลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม
นอกจากการฟอกเขียวจะเป็นการหลอกลวงและทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดแล้ว การทำธุรกิจรูปแบบนี้ยังเป็นภัยต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และโลกของเรา เพราะวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่น่ากังวลยังถูกทิ้งไว้อย่างนั้น ไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งยังถูกนำมาหาประโยชน์
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก urbancreature