“อ้วกวาฬ” อึทองคำของวาฬหัวทุย แรร์ไอเทมที่ใครจะซื้อต้องควักเงินเป็นล้าน ทำไมถึงมีราคาแพง และสร้างความฮือฮาทุกครั้งที่มีการค้นพบ
มองเหลี่ยมไหนก็ยังไม่เห็นทางว่า ทั้ง “อ้วก” หรือ “ขี้” จะกลายเป็นสิ่งของที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นร้อยล้านได้ยังไง นอกเสียจาก “อ้วกวาฬ” สมบัติแห่งท้องทะเล ที่ว่ากันว่าใครก็ตามที่เก็บอ้วกวาฬได้เหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง
กรณีล่าสุด น้องทิว วัย 16 ปี อาศัยอยู่ที่ บ้านเลขที่ 235 หมู่ 1 ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล ได้พบอ้วกวาฬที่ริมชายหาด โดยก้อนดังกล่าวมีลักษณะสีเทาดำ มีกลิ่นคาว น้ำหนัก 1.3 กก. โดยทางน้องทิวยืนยันว่าต้องการขายเพื่อนำมาซื้ออุปกรณ์ประมง
ทำความรู้จัก “อ้วกวาฬ” คืออะไร?
ข้อมูลจาก องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ระบุไว้ว่า อำพันทะเล หรือที่เราคุ้นหูกันในชื่อ “อ้วกวาฬ” คำถามคือเจ้าก้อนที่เห็นนี้มีที่มาอย่างไร ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า วาฬหัวทุยนิยมกิน “ปลาหมึก” เป็นอาหารจานโปรด
แต่เจ้าวาฬไม่สามารถย่อยไขมันของปลาหมึกได้ ทำให้ก้อนไขมันนั้นสะสมอยู่ในลำไส้ กระทั่งร่างกายขับก้อนของเสียนั้นออกมา หากออกทางปากก็เรียกอ้วก หากขับถ่ายออกมาก็เรียกขี้ เมื่อก้อนไขมันถูกกระแสน้ำ พวกสสารอื่น ๆ ก็ย่อยสลายไป เหลือแต่ก้อนไขมันเพียว ๆ เพราะไม่สามารถย่อยสลายได้
อพวช. ระบุว่า ในช่วงแรกกลิ่นของอ้วกวาฬเหม็นชนิดต้องเบือนหน้าหนี แต่ผ่านเวลาไปสักพัก แสงแดดและน้ำทะเลจะทำปฏิกิริยากับอ้วกวาฬ จนกลายสภาพเป็นก้อนสีขาว น้ำตาล เทา หรือสีดำแบบที่เราเห็นกัน
ทำไมถึงหายาก แถมมีราคาแพงมาก?
ปัจจุบัน วาฬหัวทุยจัดอยู่ในสถานะเสี่ยงสูญพันธุ์ แม้จะสามารถพบได้ตามน่านน้ำทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย แต่ก็วนเข้าเรื่องเดิมคือถูกล่า ถูกเรือชน จนประชากรร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ ข้อมูลจาก National Wildlife Federation ระบุว่า เหลือวาฬหัวทุยอยู่ประมาณ 3 แสนตัว
อีกหนึ่งเหตุผลคือเป็นวัตถุดิบที่มีดีมานด์สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมน้ำหอม ว่ากันว่าก้อนอำพันให้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ สร้างเลเยอร์ให้กับกลิ่นได้ดี
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก springnews