การเป็น “วีแกน” หรือการทานอาหารที่ไม่มีส่วนประกอบจากสัตว์เป็นวิธีการดำเนินชีวิตที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากเหตุผลหลายประการ แต่หนึ่งในเหตุผลที่สำคัญคือความกังวลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม นี่คือสาเหตุด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำให้บางคนเลือกเป็นวีแกน:
- การลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก: การผลิตเนื้อสัตว์จากการเลี้ยงสัตว์เป็นอย่างใหญ่ส่งผลต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น ก๊าซมีเทน, ซึ่งมีศักยภาพในการทำประโยชน์เกิดจากเอฟเฟกต์เรือนกระจกมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์
- การใช้ทรัพยากร: การเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหารต้องการทรัพยากรมากมาย ได้แก่ น้ำ, อาหาร, และพื้นที่ เมื่อเปรียบเทียบกับการผลิตพืช
- การกำจัดป่าไม้: การเพิ่มพื้นที่เพื่อการเลี้ยงสัตว์มักทำให้เกิดการทำลายป่าไม้ เฉพาะโซนอเมซอน
- การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ: การขยายพื้นที่เพื่อการเลี้ยงสัตว์มีผลต่อการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
- ประสิทธิภาพในการป้อนอาหาร: เมื่อเราทานเนื้อสัตว์ มีการเสียสูญของพลังงานในโซ่อาหาร เนื่องจากสัตว์ที่เรากินได้รับพลังงานจากพืช แต่เราได้รับพลังงานเพียงส่วนย่อยเท่านั้นจากสัตว์
- การปนเปื้อนน้ำ: การเลี้ยงสัตว์สามารถส่งผลให้เกิดการปนเปื้อนน้ำจากสารเคมีและของเสียจากการเลี้ยงสัตว์
ในที่สุด, การเป็นวีแกนเป็นเพียงหนึ่งในวิธีเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่สำหรับผู้ที่สนใจในการปกป้องและรักษาสิ่งแวดล้อม การทานอาหารวีแกนเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สามารถช่วยลดการใช้ทรัพยากรและปล่อยก๊าซเรือนกระจก.
อาหารวีแกน (Vegan) คืออาหารที่ไม่มีส่วนประกอบจากสัตว์และไม่ได้ผ่านกระบวนการที่มีสัตว์เกี่ยวข้องในขั้นตอนใด ๆ ของการผลิต ต่างจากอาหารเจภาคย์ที่เน้นเป็นการไม่ทานเนื้อสัตว์แต่อาจใช้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์เช่น นม, ไข่
ส่วนประกอบของอาหารวีแกนจะประกอบด้วย:
- ผัก
- ผลไม้
- ถั่ว
- ธัญญา
- เมล็ด
- พืชเนื้อเยื่อแน่น เช่น เต้าหู้, เทมเปะ
- ฯลฯ
สิ่งที่อาหารวีแกนไม่รวม:
- เนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น วัว, หมู, ไก่, ปลา, หรือสัตว์ประเภทอื่น
- ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นมวัว, ชีส, โยเกิร์ต
- ไข่
- ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ได้มาจากสัตว์ เช่น น้ำผึ้ง, จิลาติน (ผลิตจากกระดูกสัตว์)
เหตุผลสำหรับการเลือกทานอาหารวีแกนมีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ, ความเชื่อ, สิ่งแวดล้อม, หรือปัญหาเกี่ยวกับสิทธิสัตว์ การทานอาหารวีแกนสามารถช่วยลดภาระต่อสิ่งแวดล้อม และยังส่งเสริมสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน.
การทานอาหารวีแกนมีผลกระทบต่อสุขภาพในหลายด้าน โดยส่วนใหญ่มีผลดีต่อสุขภาพเมื่อเปรียบเทียบกับการทานอาหารปกติที่มีส่วนประกอบของสัตว์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณทานอาหารวีแกนที่หลากหลายและเป็นประโยชน์หรือไม่ ด้านดีของอาหารวีแกนมีดังนี้:
- ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ: อาหารวีแกนมักมีไขมันต่ำ, โคเลสเตอรอล 0% และมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ
- ควบคุมน้ำหนัก: อาหารวีแกนมักมีแคลอรีต่ำแต่มีความอิ่มตัว จึงสามารถช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
- ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน: บางการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการทานอาหารวีแกนสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานประเภท 2
- ลดความเสี่ยงของมะเร็ง: การทานผักและผลไม้ในปริมาณมากสามารถลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
- ระบบย่อยเยื่อบุบำเร็จ: การทานอาหารที่มีเส้นใยสูง จะช่วยให้ระบบย่อยเยื่อบุของคุณทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- สุขภาพกระเพาะปัสสาวะและไต: การลดการบริโภคโปรตีนและแคลเซียมจากแหล่งที่มาจากสัตว์สามารถช่วยลดภาระต่อไตและกระเพาะปัสสาวะ
- สุขภาพของกระดูก: การทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามิน D จากแหล่งพืชสามารถช่วยรักษาสุขภาพกระดูก
แต่ในขณะเดียวกัน, คนที่เลือกทานอาหารวีแกนต้องตระหนักเกี่ยวกับการได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เช่น วิตามิน B12, เหล็ก, โอเมก้า-3 และวิตามิน D เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ควรปรึกษากับแพทย์หรือนักโภชนาการเกี่ยวกับการทานอาหารเสริมหรือการปรับเปลี่ยนเมนูอาหาร.
ติดตามข่าวสารและบทความเกี่ยวกับ The Sustain – ธุรกิจและความยั่งยืน พลังงาน ภาวะโลกร้อน ทรัพยากรธรรมชาติ