แล้วไทยจะรอดไหม หากระดับน้ำทะเลยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง การศึกษาใหม่พบว่า ระดับน้ำทะเลในชายฝั่งสหรัฐฯยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด อันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
กรุงเทพจมน้ำ อาจไม่เกินจริง ถ้างานวิจัยเรื่องเหล่านี้ยังคงถูกเผยแพร่ออกมาเรื่อย ๆ การศึกษาชิ้นหนึ่งที่เพิ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature Communications เผยว่า นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยทูเลน ตรวจพบอัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลตามแนวชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้และอ่าวสหรัฐฯ ประมาณครึ่งนิ้วตั้งแต่ปี 2010 และมันกำลังเพิ่มความเร็วมากขึ้นตั้งแต่นั้นมา จนตอนนี้ระดับน้ำทะเลอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา
การศึกษานี้ได้ผสมผสานหลักฐานเก่าจากการวัดภาคสนามและดาวเทียมตั้งแต่ปี 1900 จากการวิเคราะห์ทั้งหมด ระดับน้ำทะเลมีอัตราที่เพิ่งสูงขึ้นจริง โดยเหตุผลที่ระดับน้ำทะเลถูกเร่งให้สูงขึ้นมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่มนุษย์สร้างขึ้นและการแปรปรวนของสภาพอากาศตามธรรมชาติ
“อัตราที่รวดเร็วเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในศตวรรษที่ 20 เป็นอย่างน้อย และสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 3 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน” Sönke Dangendorf ผู้เขียนหลักและผู้ช่วยศาสตราจารย์ David and Jane Flowerree จาก Department of River-Coastal กล่าว วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ที่ทูเลน
“เราตรวจสอบสาเหตุต่างๆ อย่างเป็นระบบ เช่น การเคลื่อนที่ของแผ่นดินในแนวดิ่ง การสูญเสียมวลน้ำแข็ง และความกดอากาศ แต่ไม่มีสาเหตุใดที่สามารถอธิบายอัตราระดับน้ำทะเลล่าสุดได้อย่างเพียงพอ” โนอาห์ เฮนดริกส์ ผู้เขียนร่วมและนักศึกษาระดับปริญญาตรีในทีมของ Dangendorf กล่าว อดีตสถาบัน Old Dominion University ในเมือง Norfolk รัฐเวอร์จิเนีย
แต่สิ่งที่สามารถเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงได้อย่างเด่นชัด คือ ความเร็วและการเร่ง ระดับน้ำทะเลมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นสัญญาณที่ดูเหมือนจะแพร่หลายไปทั่วโลก เริ่มจากชายฝั่งของอ่าวเม็กซิโกไปจนถึง Cape Hatteras ใน North Carolina และไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือและทะเลแคริบเบียน
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่เหล่านี้ถูกเรียกว่า Subtropical Gyre โดยมีการขยายตัวเนื่องจากรูปแบบของลมที่เปลี่ยนแปลงและความร้อนที่ต่อเนื่อง มวลน้ำอุ่นต้องการพื้นที่มากขึ้นและทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น
นักวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะกินเวลานานหลายปี แต่ก็ยังพอเป็นไปได้ที่อัตราดังกล่าวจะสามารถกลับสู่ค่าปานกลาง แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ใช่ว่าเราควรละเลยการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล เพราะการเพิ่มขึ้นอาจส่งผลต่อแนวชายฝั่งให้มีความเปราะบางมากขึ้น โดยเฉพาะในหลุยเซียนาและเท็กซัส ที่แผ่นดินกำลังจมอย่างรวดเร็วตอนนี้
ดังนั้น เรื่องนี้คือความท้าทายที่เราควรช่วยกันแก้ปัญหาตั้งแต่วันนี้ ซึ่งหากหันมากลับมามองที่ประเทศไทย รู้หรือไม่กรุงเทพมหานครก็เป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ที่ถูกงานวิจัยระดับโลกคาดการณ์ว่า กรุงเทพจมน้ำ ในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า เนื่องจากมีพื้นที่ติดกับชายฝั่งและมีพื้นที่ลุ่มต่ำอยู่ใกล้ ๆ
เมื่อปี 2565 รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้เสวนาและพูดคุยถึงประเด็น สภาวะอากาศสุดขั้ว? ว่าโลกของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง?
โดยอ.เสรีเผยว่า ในฐานะที่ทำงานร่วมกับ IPCC เขาก็มีคาดการณ์ไว้ให้เราเห็น มีงานวิจัยมากมายที่มันไม่ได้เก่าเลย ญี่ปุ่นก็คาดการณ์ เยอรมนี นาซ่า เขาก็คาดการณ์ว่าไทยจะเจอน้ำท่วม แต่อยู่ที่ว่าเรายอมรับการคาดการณ์นี้ไหม
นั่นหมายความว่า ไม่ว่าจะนักวิจัยไทยและนักวิจัยนานาชาติต่างมองว่า เมืองที่ใกล้ชายฝั่งทั่วโลกเสี่ยงเกิดวิกฤตจมอยู่ใต้น้ำ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และจากกิจกรรมของมนุษย์
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก springnews