“Net Zero” หรือ “การปล่อยของคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์” คือ เป้าหมายทางการเมืองและ/หรือธุรกิจในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงไปเป็นศูนย์ในระยะเวลาที่กำหนด นั่นคือ การปล่อยของคาร์บอนจะถูกดูดซับหรือลดลงโดยการปลูกป่า หรือเทคโนโลยีดูดกักคาร์บอน ด้วยวิธีนี้ ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทางปฏิบัติจะถูกลดลงจนเท่ากับปริมาณที่ถูกดูดกักหรือลดลง ทำให้การปล่อยของคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
สิ่งสำคัญคือ เป้าหมาย “Net Zero” มักจะมีการเกณฑ์ที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างไร อาจมาจากการใช้พลังงานทดแทน การปรับปรุงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของกระบวนการผลิต หรือการดูดกักคาร์บอนโดยเทคโนโลยี ความหมายของ “Net Zero” จึงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคอนเท็กซ์
แต่อย่างไรก็ตาม ทั่วโลกมีการสนับสนุนแนวคิดนี้อย่างมาก เพราะการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์จะช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
แนวโน้ม “Net Zero” หรือ “การปล่อยของคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์” ได้รับความสนใจอย่างมากในเวลาหลังๆ นี้ โดยมีความสำคัญสูงสุดในทุกๆ ภาค ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐบาล, ภาคธุรกิจ, หรือสังคมมวลชน ดังนี้:
- รัฐบาล: หลายประเทศทั่วโลกได้สานศักดิ์สิ่งแวดล้อมไว้ในนโยบายการปกครองของพวกเขา อาทิ เช่น สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป ได้มีการตั้งเป้าหมายให้สามารถบรรลุค่า Net Zero ภายในปี 2050
- ภาคธุรกิจ: บริษัทต่างๆ กำลังตระหนักถึงความรับผิดชอบที่มีต่อสภาพแวดล้อม และจึงตั้งเป้าหมายค่า Net Zero ในการดำเนินธุรกิจของตนเอง เพื่อแสดงภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสร้างความไว้วางใจกับผู้บริโภค
- สังคมมวลชน: ผู้บริโภคทั่วโลกกำลังหันมาสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการที่สอดคล้องกับแนวคิด Net Zero ทำให้ธุรกิจต่างๆ ต้องปรับให้ตรงกับความต้องการนี้
การที่สถาบันทั้งสามภาคนี้ร่วมมือกันเพื่อการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ จึงสร้างเป็นแนวโน้มที่เข้มแข็งและยั่งยืน ด้วยการทำงานร่วมกันและสนับสนุนกัน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์จึงมีแนวโน้มที่จะทำได้เร็วขึ้นและสามารถรับมือกับความท้าทายที่ยากยิ่งขึ้นที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้.
การประหยัดพลังงานไม่เพียงแค่ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังมีผลดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย.
ติดตามข่าวสารและบทความเกี่ยวกับ The Sustain – ธุรกิจและความยั่งยืน พลังงาน ภาวะโลกร้อน ทรัพยากรธรรมชาติ